ทริปลาว 3 คนวังเวียง-เวียงจันทน์กับเงิน 15,000 บาท (คนละ 5,000 บาทไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน)
3 คืน 4 วัน
แถมเหลือเงินติดตัวกลับด้วยนะ
เริ่มต้นจากการตั้งกลุ่มไปเที่ยวสมาชิกของเราเริ่มต้นตั้งเป้าหมายการไปเที่ยววังเวียง-เวียงจันทน์ไว้ที่ 4 คนแต่ไปๆมาๆก็มีชีวิตเหลือเพียงสามคน… อีกคนเทไปแล้ว !!!! และเป้าหมายถัดไปคือเกิดคำถามว่าต้องใช้เงินเท่าไหร่ ? เป็นคำตอบที่ตอบยากมากเลยเราตั้งงบไว้ที่ 5,000 บาทไทยถามว่าพอไหมไม่รู้เลยไปตายเอาดาบหน้านะ !!! ฮาๆแต่ที่ได้ข้อมูลจากการสำรวจคนที่ไปเที่ยวมาแล้วเขาบอกค่าครองชีพค่อนข้างสูงเอาเป็นว่ากินแบบประหยัดแล้วกันน๊า … T_T
ขั้นตอนถัดมาคือการจองตั๋วค่าใช้จ่ายตรงนี้ไม่รวมกับเงินที่ไปเที่ยวนะ !!! เราก็ทำการหาตั๋วที่ถูกที่สุดซึ่งณเวลานั้นได้ตั๋ว THAI AIRASIA ขาไปราคาเพียง 560 บาทต่อคนและในส่วนของขากลับเราได้ THAI LION AIR ราคาอยู่ที่ 1,125 บาทพร้อมสั่งอาหารล่วงหน้าเผื่อหิวไว้ด้วยราคาขากลับจะแพงหน่อยเพราะตรงวันหยุดแต่รวมแล้วไป-กลับราคาพอรับได้ตกอยู่รวมแล้วคนละ 1,685 บาทเดินทางจากสนามบินดอนเมืองสู่สนามบินอุดรธานีซึ่งเป็นสนามบินที่ใกล้ที่สุดในการที่จะเดินทางจากกทมไปสู่จังหวัดหนองคายซึ่งเป็นชายแดนติดต่อและสามารถข้ามไปยังประเทศลาวและเดินทางผ่านเวียงจันทน์ไปยังวังเวียง
การจองที่พักเราจองผ่านเว็บ AGODA.COM และ BOOKING.COM เลือกชำระวันเข้าพักทั้งสามคืนเลย
และเรามาเริ่มต้นการเดินทางครั้งนี้กันเลยดีกว่า …
DAY 1 วันแรกการเดินทางกรุงเทพฯ – อุดรธานี – เวียงจันทน์ – วังเวียง
การเดินทางเริ่มจากสนามบินดอนเมือง – อุดรธานีเราเลือกไฟท์เช้าเพื่อให้มีเวลาเยอะๆในการเดินทางหลังจากถึงสนามบินอุดรฯเราใช้บริการรถรีมูซีนสนามบินเพื่อไปยังสถานีขนส่งอุดรฯและต่อมาเราจะขึ้นรถโดยสารระหว่างประเทศ (รถลาว) อุดรฯ – วียงจันทน์เพื่อต่อรถไปวังเวียงในส่วนนี้ก็จะต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองของฝั่งไทย,ลาวกรอกเอกสารทำตามขั้นตอนและแลกเงินได้เลย
เราถึงเวียงจันทน์ประมาณบ่าย 2 ซึ่งต่อสุดท้ายเรานั่งรถมินิบัสสายเวียงจันทน์ – วังเวียงเพื่อไปวังเวียงนั่นเองรถจะใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมงกลางทางจะแวะให้เข้าห้องน้ำ 1 ครั้งห้องน้ำไม่ฟรีต้องเสียเงิน 1,000 กีบและสามารถซื้อของกินได้ด้วยรถจะถึงประมาณเย็นๆพอไปถึงวังเวียงเราลงรถแล้วเราหาซื้อซิม NET เพื่อไว้ใช้จะมีร้านมือถือเล็กๆขายเหมือนที่ไทยเลยที่นี่มีสัญญาณ 3G ที่เป็นเครือข่ายของลาวไม่พลาดทุกการติดต่อ
และเราก็เดินหาที่พักชื่อ NICE VIEW GUESTHOUSE เดินไปตามแผนที่ได้เลยโรงแรมที่เราจองไว้จะติดริมแม่น้ำซองที่จะเห็นวิวภูเขาสวยเลยทีเดียวไม่มีโรงแรมอื่นบังวิวที่โรงแรมก็มี WIFI ฟรีเหมือนกัน
วังเวียงเป็นเมืองเล็กๆที่สามารถเดินได้ทุกซอกทุกมุมถ้าไปถึงตอนเย็นๆจะเห็นบอลลูนลอยอยู่บนท้องฟ้าคาดว่าน่าจะทุกวันถ้ามีคนใช้บริการเป็นบรรยากาศที่ดีเลยทีเดียวเราเข้าที่พักเพื่อพักผ่อนอาบน้ำเอนหลังกันสักพักก่อนที่จะไปหาอะไรกินกัน
อาหารเย็นเราเลือกกินบะหมี่ชายสี่บะหมี่เกี๊ยวจะคล้ายบ้านเราเลยแต่ลักษณะชามจะใหญ่กว่าปริมาณมากกว่าไม่มีน้ำให้ดื่มฟรีมีเครื่องปรุงให้แต่ไม่ครบเหมือนบ้านเราหลังจากทานเสร็จถัดไปในซอยเดียวกันจะเป็นร้านเหล้าสุดฮิตที่ใครมาวังเวียงต้องห้ามพลาดนั่นคือซากุระบาร์ SAKURA BAR วันที่เราไปมีเหล้าให้ดื่มฟรีด้วยนะถือว่าโอเคเลยเปิดเพลงอัพเดตเลยทีเดียวและชาวต่างชาติส่วนมากก็จะเป็นฝรั่งและเกาหลีใครมาวังเวียงก็อย่าลืมมาตื๊ดๆกันน่ะ แวะมานั่งชิวๆหรือแด๊นซ์ๆแล้วค่อยกลับไปนอนพักผ่อนน๊า
ค่าใช้จ่าย DAY1 ; ค่ารถรีมูซีนสนามบิน 200 บาท / ค่าอาหารเช้า 165 บาท / ค่ารถอุดร – เวียงจันทน์ 240 บาท / ค่าผ่านแดนลาว 15 บาทค่ารถเวียงจันทน์ – วังเวียง 300.000 กีบ / ค่ากินระหว่างทาง 60.000 กีบ / ค่าซิมเน็ตลาว 30.000 กีบ / ค่าโรงแรม 200.000 กีบ / ค่าอาหารเย็น 70.000 กีบค่าเหล้า 210.000 กีบ
รวมเงินไทย 620 บาท
รวมเงินลาว 870.000 กีบ หรือ 3,669 บาทไทย
รวมค่าใช้จ่ายวันแรกทั้งหมด 4,289 บาท
DAY 2 วันที่สองเที่ยววันเดย์ทริป FULLDAY TOURS VANGVIENG
หลังจากตื่นนอนอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วเราออกไปหาทานอาหารเช้าเพราะที่โรงแรมไม่มีให้อาหารเช้าตามร้านต่างๆที่นี่จะเป็นสไตล์อาหารสำหรับฝรั่งและจะมีเส้นเปียกที่เป็นอาหารลาวคล้ายๆก๋วยเตี๋ยวบ้านเราแต่ต่างกันที่เส้นตามข้างถนนจะมีชาวบ้านนำของป่ามาวางขาย
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จเราเลือกซื้อโปรแกรมทัวร์ที่จะพาเราไปเที่ยวซึ่งจะมีให้เลือกหลายแบบเราเลือกโปรแกรม 2 ; 1DAY KAYAKING + ELEPHANT CAVE + WATER CAVE +KAYAKING + BLUELAGOON ซึ่งจะเริ่มประมาณ 8.00 หรือ 9.00 – 17.00 จะมีรถมารับส่งเราถึงหน้าโรงแรมเลย
ส่วนรายละเอียดที่เราไปทัวร์มาก็ตามนี้เลยครับใช้เวลาหนึ่งวันเต็มๆมีอาหารกลางวันและน้ำดื่มให้คนที่ซื้อโปรแกรมแบบนี้แนะนำว่าแต่งตัวให้พร้อมเปียกและอุปกรณ์กันน้ำของมีค่าส่วนตัวอย่าเอาไปเยอะครับ
1. ELEPHANT CAVE จุดที่ 2 เป็นถ้ำหินรูปช้างที่มีวัดอยู่ด้วยให้เราได้แวะสักการะบูชาเป็นทางผ่านที่เราจะเดินไป WATER CAVE ซึ่งในส่วนตรงนี้จะได้แวะดูตอนเดินกลับมาขึ้นรถหลังจากไป WATER CAVE มา
2. WATER CAVE จุดที่ 1 ลอยห่วงยางใต้ถ้ำน้ำจุดนี้ทางไกด์จะให้เราใส่เสื้อชูชีพและสวมไฟชายที่หัวและให้นั่งบนห่วงยางสาวเชือกที่แขวนอยู่ในถ้ำไต่ไปในโพรงถ้ำลอยเข้าไปเรื่อยๆเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลยในถ้ำจะมีน้ำไหลและเย็นเราจะเปียกแน่นอนในถ้ำจะมืดเลยต้องมีไฟฉายไว้ให้เราคอยส่องทางการถ่ายภาพ
ค่อนข้างยากเพราะมันมืดมากและเราต้องใช้มือจับและสาวเชือกอยู่ตลอดเวลาเลยทำให้การถ่ายภาพนั้นเป็นเรื่องยากการสาวเชือกแล้วนั่งบนห่วงยางจะค่อนข้างต้องใช้แรงหน่อยไกด์จะให้ราเข้าไประยะทางประมาณหนึ่งแล้วกลับออกมาที่เดิมที่ทางเข้าไป
หลังออกมาจากถ้ำก็จะถึงเวลาอาหารกลางวันทางไกด์และพนักงานได้เตรียมอาหารไว้ให้ก็จะมีข้าวผัดบาบีคิวไก่ขนมปังฝรั่งเศษและกล้วยส่วนน้ำเปล่าจะมีที่ติดตัวมาตอนแรกเริ่มทริป
3. KAYAKING จุดที่ 3 ร่องเรือคายัคลำน้ำซองระยะทาง 5 กิโลเมตรจุดนี้จะมีจุดปล่อยเรือคายัคอยู่เหนือเมืองวังเวียงก่อนที่จะให้ทุกคนร่องเรือก็จะสาธิตวิธีการใช้ไม้พายและการพายเรือจากไกด์เรือหนึ่งลำสามารถนั่ง 2 หรือ 3 คนได้เลยเรามากันสามคนใช้เรือหนึ่งลำการพายเรือตรงนี้ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงเพราะจะมีในส่วนของคนที่ซื้อทริปมี ZIP LINE แต่เราไม่ได้ซื้อก็จะมีจุดให้แวะพักก่อนที่จะพายลงไปถึงใจกลางวังเวียง
หลังจากพายเรือมายังจุดเก็บเรือคายังกลางเมืองวังเวียงทุกคนจะต้องขึ้นรถไปต่อที่ BLUELAGOON
4. BLUELAGOON จุดที่ 4 จุดสุดท้ายของวันเดย์ทริปของเราเรามาถึงประมาณ 16.00 น. ไกด์แจ้งเราว่ามีเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ” บลูลากูน ” สระน้ำฟ้าใสๆซึ่งจะมีต้นไม้ใหญ่ๆให้คนที่ชอบความท้าทายกระโดดด้วยน้ำที่นี่สีออกฟ้าๆใสๆและน้ำเย็นมากให้ได้ลงเล่นกันแก้ร้อนหลังจากที่ร้อนและเหนื่อยกันมาทั้งวันมีกระท่อมเล็กๆให้นั่งพักผ่อนและสั่งอาหารมาทานเราสั่งส้มตำและลูกชิ้นทอดมากินและเล่นน้ำไปด้วย
หลังจากที่ได้พักผ่อนเล่นน้ำและทานอาหารเรียบร้อยก็ถึงเวลานัดหมายเดินทางกลับเข้าในเมืองและส่งทุกคนสู่ที่พัก
ลูกทัวร์วันนี้ของเราส่วนมากเป็นกลุ่มคนไทยที่มาเที่ยววังเวียงและมีเกาหลีมาด้วยในส่วนขอบคนไทยเราก็ได้พูดคุยทุกทายทำความรู้จักกันด้วย
ที่พักคืนที่ 2 คือจำปาลาวบังกะโล Champa Lao Bungalow ที่พักวิวภูเขาและริมน้ำซองเจ้าของเป็นคนไทยด้วยนะ ที่พักจะมีสองโซนของเราได้โซนที่ต้องเดินข้ามสะพานไม้ไปยังบ้านพัก
เราเข้าที่พักอาบน้ำพักผ่อนและเก็บภาพบรรยากาศรอบๆนั่งคุยกันไปเรื่อย
เราออกไปเดินเล่นบรรยากาศที่วังเวียงเหมือนปายตอนที่คนยังไม่เยอะมากคนเกาหลีจีนฝรั่งและไทยชอบมาที่นี่เราเดินเล่นเก็บภาพและหาอะไรทานที่วังเวียงจะมีร้านอาหารเป็นแพยื่นออกไปริมน้ำซองคนลาวชอบมานั่งกินข้าวที่นี่กัน
เมนูอาหารร้านทั่วไปที่เราเลือกกินช่วงราคาก็ประมาณ 15.000 – 40.000 กีบคิดเป็นเงินไทยประมาณ 60 – 100 กว่าบาทอาหารที่นี่รสชาติจะไม่จัดเท่าคนไทยอย่างเช่นลาบหมูก็จะไม่เผ็ดไม่เปรี้ยวเท่าของเรา
เย็นวันนี้ฝนตกหนักมากเราตั้งใจว่าจะไปซากุระบาร์อีกหนึ่งคืนแต่ก็ต้องเปลี่ยนกลับไปที่โรงแรมและนอนพักผ่อนเตรียมลุยวันพรุ่งนี้อีก
ค่าใช้จ่าย DAY2 ; ค่าที่พัก 2,400 บาท ค่าทัวร์ 360.000 กีบ / ค่ากิน 195.000 กีบ
รวมเงินไทย 2,400 บาท
รวมเงินลาว 555.000 กีบ หรือ 2,349 บาทไทย
รวมค่าใช้จ่ายวันที่สองทั้งหมด 4,749 บาท
DAY 3 วันที่สามการเดินทางวังเวียง – เวียงจันทน์
หลังจากเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมคืนที่สองเราก็เดินสำรวจราคารถขากลับซึ่งก็ได้ที่เดิมที่เราเคยซื้อวันเดย์ทริปเป็นรถมินิบัสเหมือนตอนขามาซึ่งรถจะไปลงที่ขนส่งสายเหนือนครหลวงเวียงจันทน์ระหว่างรอเวลาขึ้นรถรอบ 14.00 น. เราก็ไปหาข้าวเช้าเดินเล่นถ่ายรูปและหากาแฟทาน
อาหารที่เรากินวันนี้เป็นเมนูเหมือนบ้านเราเลยพวกผัดกระเพราผัดไทยและก๋วยเตี๊ยวคือเรียกได้ว่ามาที่นี่ไม่ต้องกลัวอดตายเพราะทานอาหารแบบอื่นไม่เป็นเพราะยังมีอาหารคล้ายๆไทยอยู่
การเดินทางขากลับก็ใช้ระยะเวลาประมาณ 5 ชั่วโมงเหมืนเดิมและรถจอดกลางทางที่เดิมเลย เมื่อรถไปถึงนครหลวงเวียงจันทน์ที่ขนส่งสายเหนือเราต้องลงตรงนี้แล้วจะมีรถรับจ้างที่จะไปส่งตามโรงแรมโดยจะเริ่มส่งคนที่อยู่ใกล้ก่อนรวมไปถึงสนามบินและโรงแรมแถวๆริมฝั่งแม่น้ำโขง
เมื่อรถมาส่งถึงหน้าโรงแรมเราก็ทำการเช็คอินเข้าที่พักเลยโรงแรมของเราคืนนี้ VIENTIANE STAR เวียงจันทน์สตาร์อยู่ใกล้ NIGHT MARKET หรือตลาดมืดนั่นเองจะอยู่ริมแม่น้ำโขงสามารถเดินซื้อของเป็นตลาดนัดขายเสื้อผ้ารองเท้าเคสโทรศัพท์มือถือและอื่นๆเหมือนบ้านเรา
เราเดินออกมาเที่ยวที่ตลาดมืดเพื่อหาซื้อของสำรวจราคาดูแล้วถูกกว่าไทยแต่คุณภาพอาจจะต่ำกว่าสินค้าบางอย่างก็มาจากไทยเช่นพวกงานฝีมือในบริเวณนี้จะมีสัญญาณมือถือฝั่งไทยแต่จะไม่ค่อยแรงเท่าไหร่อาจจะเป็นสัญญาณที่ออกมาจากฝั่งหนองคาย
และเราได้หาอะไรทานก็จะมีร้านรถเข็นข้างทางมีส้มตำเฝอและผัดหมี่ส่วนรสชาติก็ยังไม่รสจัดเท่าไทยเหมือนเดิมนั่นแหละแต่ก็อร่อยทานง่ายดี
สายชิวแบบเราต้องหาที่นั่งดื่มก่อนกลับเข้าไปนอนมีร้านเหล้านั่งชิวๆคล้ายลานเบียร์สามารถเดินจากโรงแรมไปได้ไม่ไกลแบบว่าถ้าเมาก็คลานกลับได้เลยทีเดียวฮาๆ
ค่าใช้จ่าย DAY3 ; ค่ารถ 120.000 กีบ ค่าห้องพัก 231.000 กีบ/ ค่ากิน 406.000 กีบ
รวมเงินลาว 757.00 กีบ หรือ 3,204 บาทไทย
รวมค่าใช้จ่ายวันที่สามทั้งหมด 3,204 บาท
DAY 4 วันที่สี่นครหลวงเวียงจันทน์ – หนองคาย – อุดรธานี – กรุงเทพ
เราเริ่มต้นจากการทานอาหารเช้าที่โรงแรมเพื่อเติมพลังและจะไปเดินชมเมือง
วันนี้ศึกหนักของเราคือการแบกกระเป๋าเดินชมเมืองเพราะจะไม่มีเวลาย้อนกลับมาเอากระเป๋าถ้าเราฝากไว้
เรามีเวลาไม่มากนักเพราะต้องเผื่อเวลากลับไปไทยเราเลยตั้งจุดหมายไปที่ประตูไซซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานตั้งอยู่ใจกลางนครหลวงเวียงจันทน์เพื่อเป็นการสดุดีวีรชนผู้ร่วมรบเพื่อประกาศเอกราชจากประเทศฝรั่งเศสปะตูไซถูกตกแต่งด้วยศิลปะแบบล้านช้างนำสัตว์ในตำนานตามความเชื่อของศาสนาพุทธ
เราเดินย้อนกลับมาที่สถานีขนส่งเพื่อนั่งรถกลับฝั่งไทยซึ่งเลือกนั่งรถระหว่างประเทศเวียงจันทน์ – หนองคายซึ่งจะต่างจากตอนมา
ระหว่างที่รถจอดรอเวลาออกโชคดีของเราที่มีคนขายอาหารเดินผ่านมาด้วยความหิวเราซื้อผัดหมี่และนั่งกินบนรถเลยแล้วรถก็ออกพอดี
หลังจากผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเราลงที่ด่านฝั่งไทยเพื่อนั่งรถตู้ไปยังสนามบินอุดรธานีวิธีนี้จะเร็วและไปทันเวลา Flight Thai Lionair ของเราที่จะกลับกรุงเทพไม่ต้องไปลงที่สถานีขนส่งหนองคายเพราะต้องต่อรถไปอุดรอีกที
ถึงสนามบินอุดรฯแบบไม่ต้องรีบมากและทำการเช็คอินโหลดกระเป๋าสบายๆ
ระหว่างรอเวลาเราก็ไปหาอาหารทานที่ร้านนอกอาคารผู้โดยสารก็เป็นเมนูส้มตำอีกครั้งอร่อยมากโดยเฉพาะคอหมูย่าง
ค่าใช้จ่าย DAY4 ; ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์ 30.000 กีบ/ ค่ารถเวียงจันทน์-หนองคาย 51.000 กีบ/ ค่าเข้าห้องน้ำ 1.000 กีบ/ ค่ากินฝั่งลาว107.000 กีบ/ ค่าข้ามแดนไทย 150 บาท/ ค่ารถตู้ด่านหนองคาย-สนามบินอุดร 450 บาท
รวมเงินลาว 189.000 กีบ หรือ 800 บาทไทย
รวมเงินไทย 600 บาท
รวมค่าใช้จ่ายวันที่สี่ทั้งหมด 1,400 บาท
รวมเงินที่ใช้ไปสำหรับทริปนี้ 13,642 บาท ….
จบแล้วครับ… สำหรับทริป วังเวียง – เวียงจันทน์ สามคนกับเงินหนึ่งหมื่นห้าพันบาท ที่เหลือเงินกลับมาด้วย ใครที่คิดว่ามีเงินน้อยแล้วจะไปเที่ยวได้หรือเปล่า ไม่ต้องกลัวครับ แค่เราวางแผนการเดินทางดีๆ และเรื่องเวลาแนะนำว่าเผื่อเวลาให้มากๆ เพราะการเดินทางที่ลาว หากใช้รถสาธารณะจะออกไม่ตรงเวลา และใช้เวลาเดินทางนานทั้งๆที่ระยะทางไม่ไกล แต่เนื่องจากถนนหนทางที่ลาวไม่ดีเท่าไหร่ และรถจะขับช้าเผื่อความปลอดภัย และควรเอาแต่ของจำเป็นไปไม่แนะนำให้แบกอะไรไปมาก เพราะเราอาจจะต้องเดินแบกเป้ระยะทางไกล
และอีกเรื่องควรแลกเงินลาวไปใช้จะใช้ง่ายกว่าเงินไทย และที่วังเวียงมีจุดแลกเงินหลายที่
ดูวีดีโอได้ที่นี่ครับ
#เที่ยววัวตายความล้ม #วังเวียง #เวียงจันทน์ #ลาว #VANGVIENG #VIENTIANE #LAO
ฝากผลงานรีวิวอื่นๆติดตามได้ที่เพจนะครับ https://www.facebook.com/travelalot.thailand